ReadyPlanet.com
dot
>>บทความแนะนำ<<
dot
bulletเครื่องสกรีนถุงพลาสติก PimNiyom
bulletเครื่องบรรจุของเหลว อัตโนมัติ
bulletFIBER LASER ยิงโลหะ
bulletเครื่องบรรจุของเหลวใส่ถุง ซองฝาเกลียว
bulletเครื่องปริ้นฉลากสินค้า Label Jet
bulletธุรกิจเปิดร้านสกรีน อาชีพสกรีนเสื้อ
bulletเครื่องเลเซอร์พลาสติก ไฟเบอร์เลเซอร์
bulletเครื่องบรรจุของเหลว Fillbot pro
bulletเครื่องบรรจุของเหลวใส่ขวด ขนาดเล็ก
bulletDTF เครื่องพิมพ์ฟิล์มม้วนทรานเฟอร์
bulletพิมพ์ฉลากสินค้าเอง เครื่องพิมพ์Label A3
bulletเครื่องสกรีนเสื้อ DTF V2
bulletเครื่องปริ้นเสื้อยืดดิจิตอล TextileJet 7
bulletEasy Dicut เครื่องป้อนกระดาษอัตโนมัติ
bulletวิธีปริ้นกระดาษสติ๊กเกอร์ Mini LabelJet
bulletเครื่องตัด Graphtec การไดคัทแบบงูเลื้อย
bulletเครื่องพิมพ์เสื้อ TX8 สกรีนเสื้อเด็ก
bulletรวยด้วยเครื่องทำตรายาง ทำตรายางร้านค้า
bulletเครื่องพิมพ์ outdoor jet
bulletจำหน่ายเครื่องทำปิ๊กดีดกีตาร์
bulletเครื่องตัดสติ๊กเกอร์ CE6000
bulletสินค้ามือ 2
bulletเครื่องแกะสลักเลเซอร์จิ๋ว2030
bulletเลเซอร์ LRT-3050
bulletเครื่องแกะสลัก CNC ราคาถูก
bulletเครื่องแกะ CNC 1225 ลดราคา
bulletเลเซอร์ขนาดใหญ่LRT-1390
bulletเครื่องพิมพ์ภาพลงเคสโทรศัพท์
bulletงานพิมพ์ภาพลงวัสดุ อลูมิเนียม
bulletเครื่องปั้มทองเค
bulletเครื่องพิมพ์เสื้อ TX3085
bulletเครื่องพิมพ์วัสดุ DR-2030
bulletปั้นตุ๊กตาปั้นล้อเลียน
bulletขายเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ราคาถูก
bulletเครื่องพิมพ์เสื้อยืด MTX1
bulletเครื่องพิมพ์เสื้อสีเข้ม TX3V2
bulletเครื่องตัด curio
bulletเครื่องพิมพ์เสื้อยืดสีเข้ม TX5
bulletเครื่องปริ้นท์นามบัตพีวีซี
bulletเครื่องพิมพ์ซองฟอยล์ ถุงฟอยด์ DR3
bulletอาชีพเสริม เครื่องสกรีนเสื้อยืด MTX2.5
bulletฉลากสินค้าอาหารปริ้นเองได้ Mini label jet
dot
>> NEWS !!
dot
bulletเครื่องพิมพ์ sticker
bulletลดล้างสต๊อก
bulletเครื่องแกะ Mini CNC3040N
bulletเครื่องตัดสติกเกอร์ CE5000-60
bulletเครื่องตัดสติ๊กเกอร์ cameo
bulletเครื่องพิมพ์เสื้อยืด TX3085
bulletเครื่องพิมพ์ทอง GoldPRINT
bulletเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ HI-JET II
bulletเครื่องปริ้นท์บัตรpvc
bulletเครื่องพิมพ์ปากกา DR4
bulletเครื่องพิมพ์วัสดุโลหะ
dot
>> สัมนาวิชาชีพ
dot
bulletมหกรรมเครื่องพิมพ์สร้างอาชีพ
bulletสัมมนาฟรี-สร้างเงินล้านด้วยธุรกิจพิมพ์เสื้อยืด
bulletสัมนาฟรี ธุรกิจร้านตัดสติ๊กเกอร์
bulletเปิดโลกอาชีพอิสระ
bulletรวมสัมมนาอาชีพ
dot
>> บทความ
dot
bulletการตลาดเชิงรุก
bulletสิ่งที่ลูกค้าพอใจและไม่พอใจ
bulletรูปแบบการเปิดร้าน
bulletการจดทะเบียนพาณิชย์
bulletการได้มาซึ่งงานและลูกค้า
bulletแหล่งเงินทุน
bulletงบประมาณในการเปิดร้าน
bulletวินัยในการเป็นเจ้าของร้าน
bulletเครื่องพิมพ์UV พิมพ์ซองฟอยล์ ถุงฟอยด์
dot
>> อุปกรณ์พิมพ์ภาพลงบนวัสดุ
dot
bulletพิมพ์ภาพขนาด 4" x 7"
bulletพิมพ์ภาพขนาด 9" x 9"
bulletพิมพ์ภาพขนาด 9" x 13"
bulletพิมพ์ภาพขนาด 15" x 15"
bulletพิมพ์ภาพขนาด 9" x 25"
bulletพิมพ์ภาพลงบนแก้ว
bulletพิมพ์ภาพลงบนจาน
bulletพิมพ์ภาพลงบนหมวก
dot
>> เครื่องตัดสติกเกอร์
dot
bulletMODEL 1350 USB
bulletRobotech 720 USB
bulletเครื่องตัดสติกเกอร์ CE5000
bulletเครื่องตัดสติกเกอร์Carft ROBO
bulletRobotech Diecut Master
dot
>> อุปกรณ์ร้านงานด่วน
dot
bulletเครื่องทำPVC CARDรุ่นมือาชีพ
bulletเครื่องตัดนามบัตรอัตโนมัติ
bulletเครื่องตัดบัตรขนาด 21x58
bulletเครื่องตัดบัตรขนาด 86x54
bulletเครื่องพิมพ์ความร้อน 5 in 1
bulletเครื่องตัดบัตรขนาด 28x54
bulletเครื่องทำตรายาง 10 หลอด
bulletเครื่องทำตรายาง 4 หลอด
bulletเครื่องทำตรายาง 2 หลอด
bulletเครื่องเคลือบเย็น
bulletเครื่องเคลือบร้อนระบบ 4 ลูกรีด
bulletเครื่องตัดชิ้นงานระบบมือโยก
bulletเครื่องเจาะรูวงรี-ลบมุม(2in1)
bulletเครื่องเจาะรูรุ่นมืออาชีพ
bulletเครื่องลบมุมรู่นมืออาชีพ
bulletเครื่องปั๊มอักษรนูน
bulletเครื่องปั๊มทองเค
bulletชุดทำบัตร PVC ราคาประหยัด
bulletชุดเติมหมึกระบบมือาชีพ
bulletเครื่องทำตรายางรุ่นมืออาชีพ
bulletด้ามปั๊มตรายางแบบหมึกในตัว
bulletวัสดุที่ใช้ในร้านงานด่วน
dot
>> อุปกรณ์เครื่องยิงเลเซอร์
dot
bulletเครื่องแกะสลักเลเซอร์LRT2022
bulletเครื่องแกะสลักเลเซอร์LRT6090
bulletเครื่องแกะสลักเลเซอร์LRT3040
bulletแผ่นโรว์มาร์ค ยิงlaser
dot
>> อุปกรณ์แกะสลักซีเอ็นซี
dot
bulletเครื่องแกะสลัก RNC3030
bulletเครื่องแกะสลัก RNC6090
bulletเครื่องแกะสลัก RNC1212
bulletแผ่นโรว์มาร์ค CNC
bulletแผ่นโรว์มาร์ค Laser
dot
>> อุปกรณ์ทำของขวัญ
dot
bulletเครื่องทำเข็มกลัด
bulletเครื่องทำกระปุกขนาดใหญ่
bulletเครื่องทำเข็มกลัดปั้มลม
bulletเครื่องพ่นทราย
bulletเข็มกลัดแบบมาตรฐาน
bulletเข็มกลัดแบบแม่เหล็ก
bulletเข็มกลัดแบบกระจก
bulletเข็มกลัดแบบเน็คไท
bulletเข็มกลัดแบบโบว์
bulletเข็มกลัดแบบพวงกุญแจ
bulletเข็มกลัดแบบที่เปิดขวด
bulletธุรกิจงานพิมพ์ภาพลงบนวัสดุ
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletโปรโมชั่น ลดล้างสต๊อก
bulletMINI CNC 's Blogger
bulletสัมมนา 108 อาชีพไม่เกิน 2 หมื่น
bulletมินิซีเอ็นซีแกะสลัก 3040B
bulletเครื่องปริ้น3มิติ
bulletเครื่องเลเซอร์ LRT-3050M
bulletMini marking machine
bulletยิงเลเซอร์ลงบนโลหะ
bullet เครื่องพิมพ์เคสมือถือ
bulletเครื่องพิมพ์ outdoorjet UV
bulletเครื่องแกะ CNC ราคาถูก
bulletรองเท้าแตะ
bulletPCB
bulletอัลบั้มเครื่องพิมพ์ฉลากสติ๊กเกอร์
bulletอัลบั้มเครื่องพิมพ์เสื้อยืด DTG
bulletอัลบั้มเครื่องแกะสลัก
bulletธุรกิจส่วนตัว2561-หารายได้ผ่านเน็ต
bulletหางานอาชีพเสริมที่มั่นคงธุรกิจ100ล้าน
bulletทําธุรกิจออนไลน์งานเสริมผ่านเน็ต
bulletหางานเสริมงานพิเศษวันอาทิตย์
bulletรายได้เสริมต้นทุนต่ําแฟรนไชส์2018
bulletSense
bulletประยุกต์สร้างอาชีพกับ 3D Printer
bulletเครื่องปริ้นฉลากสติ๊กเกอร์ label jet
bulletเครื่องปริ้น sticker
bulletเครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์ม้วน
bulletCTS เครื่องสกรีนบล็อก
bulletเครื่องปั๊มฟอยล์ทอง Hot Stamp Foil
bulletรับพิมพ์แก้วเยติ ที่ระลึกของวัยเกษียณ
bulletGraphtec เทคนิคการสร้างเส้นไดคัท
bullet000
bulletออกแบบลายเสื้อ ด้วยAi
bulletเครื่องตัดแกะสลักเลเซอร์ 2in1
bulletอาชีพเลี่ยมกรอบพระด้วยเครื่องเลเซอร์
bulletเครื่องบรรจุลงขวดและซอง ขนาดเล็ก
dot
#### ประมวลภาพ
dot
bulletรวบรวมภาพต่างๆ
bulletประมวลผลภาพสัมมนา
bulletบ้านลลิลเทพารักษ์
dot
>> สัมมนาฟรี !!
dot
bulletสัมมนาอาชีพฟรี คลิกที่นี่!!
bulletลงทะเบียนสัมมนา


>> ธุรกิจ กลยุทธ์ และกระบวนการดำเนินธุรกิจ article

ธุรกิจ กลยุทธ์ และกระบวนการดำเนินธุรกิจ

1. ตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และตลาดทั่วไปแตกต่างกันอย่างไร

     พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีองค์ประกอบและมีผู้มีส่วนร่วมที่คล้ายกับตลาดทั่วไป เพียงแต่พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการรวบรวมเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกับเทคโนโลยีการสื่อสารและขั้นตอนต่างๆ ในการค้าไว้ด้วยกัน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถทำให้ตลาดมีความใกล้เคียงกับตลาดแบบสมบูรณ์ (Perfect Market) เพราะผู้ซื้อผู้ขายสามารถเปรียบเทียบและตรวจเช็คข้อมูลของกันและกันได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างเต็มที่ทั้งในด้านราคา คุณภาพ และบริการ ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า

2. จะเริ่มต้นทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตอย่างไร

     เนื่องจากธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ดึงดูดและมีความน่าสนใจอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาสำหรับ ผู้ที่เข้ามาใหม่และผู้ที่ต้องการปรับปรุงกิจการเดิมที่มีอยู่แล้ว สรุปขั้นตอนในการเริ่มต้นการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตได้ดัง นี้

1.  พิจารณาความพร้อมของบริษัท
     พิจารณาว่าจะพัฒนาเว็บไซต์มาเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่นเพื่อประชาสัมพันธ์บริษัท ประชาสัมพันธ์สินค้า หรือว่าเพื่อมุ่งขายสินค้าโดยตรง ซึ่งแต่ละวัตถุประสงค์ก็จะมีองค์ประกอบภายในเว็บไซต์ต่างๆกัน ทำให้ต้องมีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานโดยละเอียด เพื่อให้มีแผนการทำงานที่แน่นอน

2.  เลือกสินค้าที่จะจำหน่าย
     ควรศึกษาถึงความเป็นไปได้ของสินค้าที่จะจำหน่าย ดูสภาพตลาดว่ามีสินค้าประเภทเดียวกันนี้ในท้องตลาดมากน้อยเพียงใด แล้วนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสินค้าของเรา เพื่อศึกษาหาความเป็นไปได้ในการเจาะตลาดนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ยากเท่านั้นอาจเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มช่องทางจำหน่ายเท่านั้น สินค้าที่จะจัดจำหน่าย ราคาต้องไม่สูงเกิน ไป และสามารถจัดส่งได้สะดวก สินค้าที่จำหน่ายผ่านอินเทอร์เน็ตจะแบ่งได้เป็นสองรูปแบบคือ สินค้าที่จับต้องได้ (Physical Goods) คือสินค้า ทั่วๆไป และสินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Digital Goods) เช่นเพลง ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และการบริการ (Services)

3.  พัฒนาเว็บไซต์
     จะทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ เป็นที่แน่นอนว่าสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ เว็บไซต์ การพัฒนาเว็บไซต์ประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังต่อไปนี้

  • กำหนดโครงสร้างของเว็บไซต์ว่าจะมีอะไรบ้าง เช่น Homepage, Company Profile, Product and Service, FAQ, Contact เป็นต้น
  • กำหนดรูปแบบของเว็บไซต์และเว็บเพจว่าภาพโดยรวมเป็นอย่างไร เรียบง่ายแต่รวดเร็ว หรือมีลูกเล่นมากแต่แสดงผลช้า
  • กำหนดวิธีการอธิบายลักษณะสินค้า และบริการให้สมบูรณ์
  • กำหนดราคาสินค้า (บาทและดอลลาร์สหรัฐฯ) ราคารวมค่าขนส่ง/ประกันภัย/ภาษี
  • ลงรายละเอียดของร้านค้าที่ลูกค้าจะติดต่อได้
  • กำหนดและระบุนโยบายการคืนสินค้า ถ้าไม่มีนโยบายการคืนสินค้าร้านค้าต้องแจ้งลูกค้าทราบ


     ในเรื่องของการพัฒนาเว็บไซต์นี้ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้มีความรู้ในด้านนี้เพื่อเป็นการเริ่มต้น เนื่องจากในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จึงทำให้ราคาไม่แพง นอกจากนั้นผู้ให้บริการเหล่านั้นยังมีประสบการณ์ในการพัฒนามาและยังมีทรัพยากรที่งพร้อมเพียงอีกด้วย

1.  การรับและบริหารการสั่งซื้อ

  • ระบบการสั่งซื้อ (Odering System)
  • ระบบการชำระเงิน (Payment System) วิธีที่สะดวกที่สุดคือการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
  • ยืนยันคำสั่งซื้อ
  • บรรจุสินค้าเพื่อทำการจัดส่ง
  • วิธีการส่งต้องรวดเร็วและสะดวก โดยเสนอทางเลือกให้ลูกค้าด้วย


     ท่านสามารถใช้บริการทั้งของรัฐคือการสื่อสารแห่งประเทศไทยและเอกชน ซึ่งจะมีบริการให้ท่านอยู่แล้ว สำหรับการประกอบการค้าบนอินเทอร์เน็ต ถ้าท่านเลือกบริษัทรับจัดส่งที่มีบริการติดตามสินค้าด้วยยิ่งเป็นข้อดีใน การให้บริการไปในตัวด้วย

2.  ดำเนินการทางด้านภาษีให้ถูกต้อง
ดังที่กล่าวไว้แล้วในหัวข้อ 4.4

3. ช่วงเวลาใดที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

     ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเริ่มต้นทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ก็คือเมื่อคุณสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีศักยภาพและความพร้อมเพียงพอ อย่าลังเลรีรอ ถึงแม้ว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ใหม่มาก ยังต้องอาศัยการเรียนรู้และปรับตัวของสังคมอีกนานพอสมควรกว่าจะทำให้นวัตกรรมนี้แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับด้านอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ในช่วงแรกที่เข้าสู่ระบบนี้ก็ยังประสบปัญหาและเสียเวลาในการปรับกระบวนการทำงานและวัฒนธรรมในองค์กรเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเข้าสู่ระบบนี้ได้เร็วเท่าไหร่ย่อมหมายถึงว่าเวลาและโอกาสที่จะใช้ในการเรียนรู้และปรับตัวก็มีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่ทั่วโลกพร้อม คุณก็จะพร้อมแล้วเช่นกัน
      อีกประการหนึ่งคือ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วทำให้การกระจายข่าวบนชุมชนอินเทอร์เน็ตทำได้รวดเร็ว ซึ่งย่อมเป็นผลดีแก่ผู้บุกเบิกหรือริเริ่มอะไรใหม่ๆ เพราะจะได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ทำให้ได้เปรียบในเรื่องของชื่อเสียงและภาพพจน์ของบริษัท

4. การทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้เงินลงทุนเบื้องต้นมากน้อยเพียงใด

     คำตอบในข้อนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆประการ เช่น ขนาดและความซับซ้อนของเว็บไซต์ แผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ เป็นต้น แต่ถ้าพูดถึงงบประมาณหลักๆที่จำเป็นต้องมีไว้ในกรณีที่ต้องการมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง คืองบประมาณสำหรับคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ค่าจ้างในการทำเว็บไซต์ ค่าดูแลรักษาเว็บไซต์ และ ค่าโฆษณา เป็นต้น โดยรวมแล้วอยู่ประมาณหลักแสนถึงล้านบาท อย่างไรก็ดีสำหรับผู้มีเงินทุนน้อย ไม่เพียงพอสำหรับวิธีนี้ ทางเลือกอื่นก็มี เช่น การสร้างเว็บไซต์บน Free Homepage หรือ การเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในไซเบอร์มอลล์ (Cyber Mall) ซึ่ง สองแบบหลังนี้ใช้เงินทุนน้อยกว่า เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าซอฟต์แวร์ ค่าจ้างแรงงาน หรือ ค่าดูแลรักษาอุปกรณ์ต่างๆ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ดังจะกล่าวในหัวข้อต่อๆไป อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน ข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก็คือ เงินลงทุนที่ใช้นั้นน้อยกว่าที่ใช้สำหรับการมีร้านหรือธุรกิจแบบกายภาพเป็นอย่างมาก

5. จะเลือกเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับธุรกิจได้อย่างไร

      เกณฑ์การเลือกเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับธุรกิจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ ขนาดของธุรกิจที่ตั้งใจไว้ ถ้าตั้งใจทำเว็บไซต์ขนาดใหญ่หลายสิบหน้า มีลูกค้าเยี่ยมชมซื้อสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง ก็จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ขั้นสูงที่มีประสิทธิภาพและราคาสูงกว่าซอฟต์แวร์สำหรับเว็บไซต์ที่มีอยู่ไม่กี่หน้า งบประมาณก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่างบประมาณน้อยย่อมมีทางเลือกที่จำกัดกว่า
      การประเมินจากประเภทของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็สามารถช่วยในการตัดสินใจได้ ถ้าเว็บไซต์เป็นแบบ B2C ซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้ก็จะแตกต่างจากสำหรับ B2B เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับ B2C จะต้องมีในส่วน ของภาษีการค้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าขนส่ง เป็นต้น แต่ในส่วนของ B2B ตรงนี้อาจไม่จำเป็น เพราะสามารถทำได้ใน Extranet
      ทั้งนี้และทั้งนั้น ขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก ช่วงเริ่มต้นนี้ไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยที่สุด ขึ้นอยู่กับความจำเป็นจริงๆมากกว่า ขอให้ตอบสนองคุณลักษณะพื้นฐานต่างๆที่คุณต้องการใช้ได้ทั้งหมดก็พอ เทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เลือกที่ใช้ประโยชน์ได้เพียงพอ แล้วเลือกที่จะอัพเกรดในภายหลัง เมื่อถึงเวลาที่ต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะดีกว่า
      เมื่อได้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การติดตั้งระบบ ซึ่งอาจมีผู้สงสัยว่าควรเลือกที่จะทำด้วยตัวเองหรือจะจ้างบริษัทภายนอกมาดำเนินงานให้ทั้งหมด คำตอบก็ขึ้นอยู่กับความสำคัญของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อองค์กรของคุณ และข้อที่ต้องพิจารณาอื่นๆอีกหลายประการ ซึ่งทั้งสองวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
      หากต้องการสร้างระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นจากทีมงานภายในบริษัทเอง บริษัทจำเป็นต้องจ้างวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูง ซึ่งข้อดีของวิธีนี้คือ ความยืดหยุ่นของระบบมีสูง และสามารถพัฒนาระบบให้เข้ากับธุรกิจได้ดีกว่าและสามารถปรับเปลี่ยนระบบได้ตามความต้องการ อย่างไรก็ดี จุดอ่อนของวิธีนี้ก็คือ ความจำเป็นที่ต้องจ้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูงในด้านเทคโนโลยีไว้ภายในบริษัท ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูง และอาจมีปัญหาเรื่องการรักษาบุคลากรเอาไว้อีกด้วย เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก แต่หากว่าบริษัทของคุณมีขนาดใหญ่พอสมควรและพิจารณาแล้วว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือที่สำคัญของบริษัท ทางเลือกนี้ก็น่าจะจำเป็น
      อีกวิธีหนึ่งคือ การมอบหมายให้บริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนี้รับผิดชอบ (Outsource) ข้อดีของวิธีนี้อยู่ตรงที่ช่วยลดปัญหาเรื่องการบริหารบุคลากรและอาจมีต้นทุนต่ำกว่าในกรณีที่ไม่มีการไม่แก้ไขหรือปรับปรุงระบบบ่อยเกินไปนัก ส่วนข้อเสีย ก็คือ การสื่อสารกับบริษัทภายนอกมักทำได้ไม่เต็มที่เท่ากับการสื่อสารกับบุคลากรภายใน ซึ่งอาจทำให้ระบบที่ได้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างเต็มที่
      ประการสุดท้ายเรื่องของความรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ ถ้าหากคุณไม่ได้คิดจะสร้างทุกอย่างขึ้นมาจากสองมือของคุณเองแล้ว ความรู้พื้นฐานทางคอมพิวเตอร์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าคอร์สเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซับซ้อนเพิ่มเติม ณ เวลานี้แต่ละบริษัทต่างให้ความสำคัญกับความง่ายและสะดวกสบายในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นอันดับต้นๆอยู่แล้ว

6. มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยมีมากน้อยเพียงใด

     เมื่อผู้ผลิต ผู้ขาย และลูกค้า เข้ามาอยู่ในระบบการติดต่อที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลกภายในเสี้ยววินาที ก่อให้เกิดการซื้อขายอย่างคล่องตัว ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจของบริษัท International Data Corporation ได้ประมาณมูลค่าการค้าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศต่างๆในปี พ.ศ. 2546 ไว้ดังนี้

ตารางที่ 1 คาดการณ์มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ปี 2546 โดย Information Data Center Co., Ltd.

ประเทศ
มูลค่า (ล้านบาท)
อินโดนิเซีย
มาเลเซีย
ฟิลิปปินส์
สิงคโปร์
ไทย
เวียดนาม
 
51,680
78,510
38,420
106,780
50,920
1,204
 

7. ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยมีมากน้อยเพียงใด

     เนื่องจากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำธุรกิจในปัจจุบัน ศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จึงได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจากรายชื่อเว็บไซต์คนไทยทั้งสิ้นจำนวน 6,460 เว็บไซต์ ระหว่างช่วงเดือน มกราคม – พฤษภาคม พ.ศ. 2544 พบว่ามีเพียงร้อยละ 11 เท่านั้นที่ได้มีการนำระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในเว็บไซต์

รูปที่ 1 ประเภทอุตสาหกรรมที่มีเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด 3 อันดับแรก

     กลุ่มธุรกิจที่มีการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว โดยคิดเป็นร้อยละ 26 รองลงมาคือ ธุรกิจคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ร้อยละ 15 และธุรกิจเครื่องนุ่งห่มตามมาเป็นอันดับที่ 3 ที่ร้อยละ 8 (รูปที่ 1)

     ในการสำรวจได้แบ่งระดับการประกอบพาณิชย์อิเล็กทนร้อยละ 12 ร้อยละ การใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ต่างๆ ออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ (รูปที่ 2)

รูปที่ 2 ระดับการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส

     ระดับที่ 1  มีเฉพาะระบบเลือกซื้อสินค้า คือเว็บไซต์ที่เฉพาะระบบการเลือกสินค้าเท่านั้น แต่ยังไม่ระบุการชำระเงินหรือการส่งสินค้าไว้ เว็บไซต์ประเภทนี้มีประมาณร้อยละ 21
    ระดับที่ 2  มีระบบเลือกซื้อสินค้า ชำระเงินออฟไลน์ ไม่ระบุการขนส่ง คือเว็บไซต์ที่มีระบบการเลือกสินค้า และบอกวิธีการชำระเงินไว้ แต่ไม่ใช่การชำระเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ต (เช่น ชำระเงินกับพนักงานส่งสินค้า หรือชำระเงินผ่านการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร เป็นต้น) และยังไม่มีการระบุการขนส่ง ระดับที่ 2 นี้ มีเว็บไซต์คิดเป็นประมาณร้อยละ 15
     ระดับที่ 3  มีระบบเลือกซื้อสินค้า ชำระเงินออฟไลน์ ระบุการขนส่ง คือ เว็บไซต์ที่มีระบบการเลือกสินค้า มีวิธีการชำระเงินที่ไม่ใช่ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และมีการระบุวิธีการขนส่งสินค้า ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 19
     ระดับที่ 4  มีระบบเลือกซื้อสินค้า ชำระเงินออนไลน์ ไม่ระบุการขนส่ง คือเว็บไซต์ที่มีระบบเลือกสินค้า สามารถชำระเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ (โดยการใช้บัตรเครดิตได้) แต่ไม่มีวิธีการขนส่งระบุไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ประเภทนี้จะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับงานด้านบริการ เช่น ด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมที่ไม่จำเป็นต้องมีการขนส่งสินค้า มี ประมาณร้อยละ 18
     ระดับที่ 5  มีระบบเลือกซื้อสินค้า ชำระเงินออนไลน์ ระบุการขนส่ง เว็บไซต์ที่มีระบบเลือกสินค้า ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ และยังมีวิธีการขนส่งระบุเอาไว้อย่างชัดเจน มีประมาณร้อยละ 29

วิธีการชำระเงินของผู้ประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย
     สำหรับวิธีการชำระเงินที่นิยมใช้ในเว็บไซต์เหล่านี้ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่นิยมการชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิต โดยการจัดอันดับพบว่านิยมชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิตวีซ่า มาสเตอร์ และอเมริกันเอ็กซ์เพรส คิดเป็นร้อยละ 64, 62, และ 40 ตามลำดับ รองลงมาคือการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารหรือการตัดบัญชีธนาคารของลูกค้า คิดเป็นร้อยละ 39 นอกจากนั้นก็เป็นวิธีการอื่นๆ อีกเช่น การชำระเงินกับผู้ส่งสินค้าโดยตรง ชำระเงิน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ชำระเงินโดยเช็ค ธนาณัติ หรือตั๋วแลกเงิน รวมทั้งการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตอื่นๆ ทั้งของในและต่างประเทศ เป็นต้น

การจัดส่งสินค้าและบริการของผู้ประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย
     ในเรื่องการส่งสินค้า เว็บไซต์ของคนไทยที่มีการทำอินเทอร์เน็ตคอมเมอร์ซส่วนใหญ่จะนิยมการส่งสินค้าผ่านบริการของบริษัทที่รับทำหน้าที่ส่งสินค้าและพัสดุ โดยอันดับแรกที่นิยมใช้บริการกันมาก คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย คิดเป็นร้อยละ 48 รองลงมาคือ บริษัท DHL บริษัท UPS และ บริษัท Federal Express คิดเป็นร้อยละ 23, 21, และ15 ตามลำดับ
ภาษาที่ใช้ในเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย
      สำหรับภาษาที่ใช้ในเว็บไซต์ต่างๆ ของคนไทยนั้น ร้อยละ 66 ใช้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ที่เหลือร้อยละ 34 ใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

8. ก่อนจะเริ่มธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต้องทำอย่างไร

1. สำรวจตัวเอง เพื่อค้นหาจุดอ่อน/จุดแข็งของสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • เป้าหมาย
  • สินค้าและบริการ
  • ต้นทุน
  • บุคลากร
  • เทคโนโลยี

2. สำรวจตลาด เพื่อทราบความต้องการของตลาด

  • กลุ่มเป้าหมาย
  • ความต้องการของตลาดด้านสินค้า/บริการ
  • ราคา
  • พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค

3. สำรวจคู่แข่ง เพื่อสร้างความแตกต่าง

  • สินค้า/บริการ
  • ราคา
  • กลุ่มเป้าหมาย

4. สำรวจศักยภาพทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันในด้านต่างๆ ต่อไปนี้

  • ระบบสั่งซื้อ
  • ระบบโต้ตอบอัตโนมัติ
  • ระบบส่งเสริมการขาย
  • ระบบชำระเงิน
  • ระบบหลังร้าน
  • ระบบรักษาความปลอดภัย

9. การจัดส่งสินค้าในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีรายละเอียดอย่างไร

     ในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญมากได้แก่ การจัดส่งสินค้า ซึ่งระบบจัดส่งสินค้าที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ในจะต้องมีความแน่นอน เชื่อถือได้ และตรงกับเวลาที่ลูกค้าคาดหวังในการรอรับสินค้า การมีระบบการจัดส่งสินค้าที่ดีช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา เพิ่มความพอใจให้กับลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้านั้นๆ บริการต่างๆ เหล่านั้นได้แก่
     -  รับส่งเอกสารด่วน
     -  รับส่งพัสดุภัณฑ์ด่วน
     -  บริการหีบห่อหลายขนาดตามความเหมาะสมของสิ่งของนั้นๆ
     -  บริการรับของซึ่งรวมถึงการตรวจรับของที่รับมา
     -  การจัดการคลังสินค้าร่วมกับการเข้าใช้ระบบการจัดการคลังสินค้าทั่วโลก
     -  การจัดการที่จัดเก็บของและโกดัง
     -  การรวมของและการแยกของ 
     บางแห่งอาจจะมีบริการพิเศษ เช่นสามารถติดตามพัสดุที่จัดส่งได้ เช่น DHL, FedEx, EMS หรือมีบริการรับประกันสินค้าส่งด่วนสูญหาย เช่น DHL เป็นต้น ผู้ประกอบการควรเลือกบริษัทที่มีบริการที่ตรงกับความต้องการของตน และทำความตกลงในการส่งสินค้าให้กับลูกค้ากับบริษัทผู้จัดส่ง ในปัจจุบันมีทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชนหลายแห่งที่ให้บริการด้านนี้ เช่น UPS, DHL, FedEx และ EMS

ขอขอบคุณบทความดีๆทางอาชีพ

แหล่งที่มา : http://www.viewthailand.com/5.asp

 


ชื่อ-สกุล :  *
จังหวัด :
เบอร์โทรของคุณ :  *
คำถามของคุณ :  *



เฟรนไชส์

>> แฟรนไชส์ (Franchise) article
>> ซื้อแฟรนไชส์ เรื่องต้องคิดก่อนการตัดสินใจ 1 article
>> ซื้อเฟรนไชส์ เรื่องต้องคิดก่อนการตัดสินใจ 2 article
>> ซื้อเฟรนไชส์ เรื่องต้องคิดก่อนการตัดสินใจ 3 article
>> ซื้อเฟรนไชส์ เรื่องต้องคิดก่อนการตัดสินใจ 4 article
>> ได้ - เสียอะไรจากเฟรนไชส์,Franchise article
>> องค์ประกอบของแผนธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ article
>> Franchise Pilot Project ร้านต้นแบบแฟรนไชส์ article
>> ก้าวแรกบนถนนธุรกิจ article
>> ซื้อแฟรนไชส์เจ้าไหนดี article
>> คิดจะทำธุรกิจแฟรนไชส์ อย่าให้ความโลภบังตา article