คิดจะทำธุรกิจแฟรนไชส์ อย่าให้ความโลภบังตา
การทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ ทำให้ได้รับรู้ปัญหาหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการแตกต่างกันไป สำหรับกรณีศึกษาที่จะถ่ายทอดสู่ทุกท่านในวันนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง 2 คนที่ตั้งใจจะเป็นผู้ประกอบการใหม่ โดยนำเงินออมที่มีอยู่มาลงทุนซื้อแฟรนไชส์ผลิตน้ำผลไม้สดขาย
ทั้งสองท่านเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชนและ กำลังจะออกจากงานด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ จึงมองหาธุรกิจเล็ก ๆ ของตนเอง บังเอิญได้เห็นโฆษณาแฟรนไชส์ผลิตน้ำผลไม้สด จึงโทรศัพท์สอบถามและได้นัดคุยรายละเอียดกับแฟรนไชซอร์ ระหว่างที่คุยกันนั้นแฟรนไชซอร์ได้บอกว่า "ถ้าต้องการทำธุรกิจนี้ในจังหวัดชลบุรี ถ้าจองสิทธิ์วันนี้เขาจะให้พื้นที่ขายทั้งจังหวัด แต่ถ้าไม่จองสิทธิ์วันนี้ ถ้าหากมีคนอื่นเข้ามาเขาก็ไม่สามารถสงวนสิทธิ์ตรงนี้ไว้ให้ได้" จุดนี้เองที่เป็นแรงกระตุ้นทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจจ่ายเงินสดจำนวน 7,000 บาท เพื่อเป็นค่าจองสิทธิ์ในการทำแฟรนไชส์น้ำผลไม้สดในจังหวัดชลบุรี (แฟรนไชซอร์ไม่ได้ออกใบรับเงินหรือเอกสารใด ๆ ให้) โดยหลังจากนี้แฟรนไชซอร์จะมาติดตั้งอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ให้ ซึ่งมูลค่าทั้งหมดของแฟรนไชส์นี้เป็นเงินประมาณ 50,000 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่แฟรนไชซอร์ไม่ได้แจ้งไว้อีกจำนวนหนึ่ง
พอเริ่มการผลิตก็มีปัญหาบ้างเล็กน้อย ทั้งสูตรการผลิตและเครื่องจักรที่เพิ่งติดตั้ง จะติดต่อสอบถามแฟรนไชซอร์ซึ่งควรจะเป็นที่พึ่งก็ติดต่อไม่ได้ เวลาผ่านไปประมาณ 3 เดือนแฟรนไชซีก็เริ่มรู้สึกว่า "ถูกหลอก" แต่ด้วยความใจสู้ไหน ๆ ก็ลงทุนไป 70,000 บาทแล้วก็เลยพยายามทำเอง เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้และเงินออมที่นำมาลงทุนจะได้ไม่สูญเปล่า
สาเหตุที่เรารู้จักแฟรนไชซีรายนี้ เพราะพอเกิดปัญหาในการผลิตและไม่รู้จะไปพึ่งใคร ทั้งสองท่านเลยเข้ามาที่สถาบันพัฒนา SMEs ฝ่ายปรึกษาแนะนำก็ได้ให้ความช่วยเหลือและได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงอยากจะฝากข้อคิดสะกิดใจสำหรับผู้ที่จะลงทุนทำธุรกิจโดยการซื้อแฟรนไชส์ ดังนี้
1. ศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนว่าบริษัทแห่งนั้นประกอบธุรกิจประเภทใด ใครเป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ท้องที่ที่เราจะเปิดร้านนั้นธุรกิจนี้อิ่มตัวหรือยัง และธุรกิจนี้เหมาะสมกับ "เรา" หรือไม่
2. บริษัทแห่งนี้มีการขยายตัวและการบริหารงานอย่างไร ก่อตั้งมานานแค่ไหน สินค้ามีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่ ผลงานและการเงินของบริษัทเป็นอย่างไร มีระบบการบริหารงานและเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจอย่างไร ทีมผู้บริหารเก่งและมีประสบการณ์แค่ไหน
3. สมาชิกในเครือแฟรนไชส์มีความก้าวหน้าอย่างไร โดยควรรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในเครือแฟรนไชส์หลาย ๆ ราย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินธุรกิจและการตัดสินใจของตนเอง
4. ความช่วยเหลือที่ได้รับจากบริษัทแม่ โดยเฉพาะในด้านบริหารและการดำเนินกิจการ ตลอดจนการชี้นำและเป็นที่ปรึกษาของสมาชิกใหม่ รวมถึงการช่วยสมาชิกในการขยายกิจการ
5. ค่าใช้จ่ายที่บริษัทแม่เรียกเก็บจากแฟรนไชซี ระหว่างการเข้าร่วมแฟรนไชส์สมเหตุสมผลหรือไม่ การจ่ายเงินให้กับแฟรนไชซอร์ ควรจะต้องได้รับใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง
6. เนื้อหาของสัญญาและเงื่อนไขในการร่วมมือกัน ผู้ที่จะลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ควรทำทำความเข้าใจต่อเงื่อนไขที่บริษัทแม่เสนอมา โดยศึกษาเนื้อหาของสัญญาว่ามีอะไรบ้าง รายละเอียดเป็นอย่างไร ต้องอ่านและทำความเข้าใจให้ชัดเจนทุกข้อ ซึ่งรายละเอียดแห่งความร่วมมือทุกประการ ควรระบุเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในหนังสือสัญญา
ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในแฟรนไชส์ใด ๆ ผู้ที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ทุกคนควรพิจารณาเงื่อนไขของตนเองให้รอบคอบก่อนว่า พร้อมที่จะทุ่มเทให้กับแฟรนไชส์นั้นในระดับใดทั้งความสนใจ ความรู้ ความสามารถและเงินทุน ถ้าหากตัวเราเองมีความพร้อมแล้ว ก้าวต่อไปคือการศึกษารายละเอียดของแฟรนไชส์แต่ละรายที่เราสนใจ ถ้าจะให้ดีควรหาข้อมูลจากแฟรนไชซีที่เข้าร่วมธุรกิจแล้วด้วย ที่สำคัญคือ... จะต้องใจเย็นและรอบคอบทุกการตัดสินใจ ถ้าเจอแฟรนไชซอร์ที่เร่งรัดให้เราต้องรีบตัดสินใจมาก ๆ ควรตัดทิ้งได้เลยเพราะเป็นประเภทหาเงินทั้งนั้น...
คิดจะทำธุรกิจแฟรนไชส์ อย่าให้ความโลภบังตา เป็นแนวทาง 6 ประการ ในการเลือกตัดสินใจลงทุนกับแฟรนไชส์รายใดรายหนึ่ง เหมาะเป็นข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะก้าวสู่ธุรกิจแฟรนไชส์
ขอขอบคุณบทความดีๆทางธุรกิจ
แหล่งที่มา : http://www.ismed.or.th/knowledge/index_cate.php?id=5