ติดต่อรับข้อมูลข่าวสารได้ตามช่องทางนี้
รูปแบบที่ 1. การเปิดร้านในห้างสรรพสินค้า
รูปแบบนี้ เป็นที่นิยมกันมากเพราะ ปัจจุบันมนุษย์เราโดยเฉพาะคนไทย ชอบที่จะเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้ากันมากขึ้น
การเปิดร้านในห้างจึงเป็น การลงทุนที่มี FEED BACK ดีมากอีกทางหนึ่ง สามารถที่จะแบ่งรูปแบบของการจัดร้าน
ในห้างสรรพสินค้า สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 แบบด้วยกัน ดังนี้
|
รูปแบบที่ 1.1 คีออส หรือร้านค้าแบบรถเข็น
แบบนั้เหมาะสำหรับการทำเข็มกลัด ขายของน่ารักๆ ของขวัญตามสั่ง
รับพิมพ์ภาพลงบนวัสดุแบบเล็กๆ ทำโล่ห์รางวัล โดยคีออสคือที่รับงาน
ส่วนที่ทำ คือ บ้านคุณเอง การลงทุนแบบนี้
ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ค่าไฟแบบเหมาจ่าย |
|
|
รูปแบบที่ 1.2 พื้นที่เปล่า หรือร้านค้า
แบบจัดได้ตามที่คุณต้องการ ลักษณะของร้านค้าแบบนี้มีข้อดี
เพราะจะมีหน้าร้านถึง 4 ด้านรองรับลูกค้าจากมุมต่างๆได้ดี จะดุดตา
หรือเป็นที่สนใจได้ดีกว่า ค่าไฟฟ้าจะเป็นแบบเหมาะจ่าย
เพราะติดมิเตอร์ไม่ได้ รูปแบบนี้เหมาะกับการเปิดร้านธุรกิจงานด่วน,
รับถ่ายเอกสารเข้าเล่ม,บริการทำของขวัญตามสั่ง,บริการออกแบบ,
สั่งพิมพ์ต่างๆ,ตัดสติ๊กเกอร์ด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นต้น |
รูปแบบที่ 1.3 ร้านค้าเต็มรูปแบบ
ส่วนใหญ่จะคิดค่าเช่า เป็นรายเดือน และค่าไฟแบบจดมิเตอร์
รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่ดี อีกรูปแบบหนึ่ง เหมาะกับกิจการขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์บริการงานด่วนครบวงจร รับทำนามบัตร การ์ดพิธีต่างๆ
ตัดสติ๊กเกอร์ งานป้าย ยิงเลเซอร์ลงบนของชำร่วย ทำตรายางด่วน บริการพิมพ์งาน ขยายรูปแบบครบวงจร จะเหมาะมาก
ค่าเช่าอยู่ในช่วง 1.5-3 หมื่นบาทต่อเดือน |
|
รูปแบบที่ 2. การเปิดร้านแบบอาคารพาณิชย์
รูปแบบการเปิดร้านแบบนี้ จะดีก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้สถานที่ชุมชน เช่น ใกล้โรงเรียน , อยู่ใกล้ตลาด
หรืออยู่ริมถนนใหญ่ ถนนซอยที่มีผู้ผ่านไปมาจำนวนมากๆ ลักษณะของร้านแบบนี้ เสียค่าเช่าเป็นรายเดือน
เดือนละ 1-2 หมื่นบาท หากเช่าเฉพาะชั้นล่าง จะถูกลงประมาณ 30 % แต่ส่วนใหญ่ จะนิยมเช่าเต็ม แล้วเอาด้านบน
เป็นที่พักอาศัย
|
|
เนื่องจากพื้นที่ของอาคารพาณิชย์มีขนาดใหญ่ ดังนั้น จึงนิยมใช้เต็มพื้นที่
ชั้นล่าง โดยแบ่งเป็นพื้นที่รับงานบริการด้านหน้า และพื้นที่ส่วนกลาง-ส่วนหลัง
เอาไว้เป็นพิ้นที่ทำงาน GRAPHIC และงานปฏิบัติการ เช่น เป็นพื้นที่ตัดสติ๊กเกอร์
พื้นที่ทำนามบัตร พื้นที่สำหรับการพิมพ์ภางลงบนวัสดุ ส่วนด้านหลังอาคาร
หากไม่ได้ใช้เป็นครัว ก็สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับงานที่เลอะได้ง่าย
เช่น พื้นที่ทำงานซิลสกรีน พื้นที่ทำงานไม้ ใช้เครื่องแกะสลัก เป็นตัน |
ข้อดีหลักๆ ของ แบบอาคารพาณิชย์ คือ ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้งานเครื่อง
ที่มีเสียงดัง เช่น เครื่องแกะสลักแบบ CNC หรือ เครื่องที่มีกลิ่นแรงๆ อย่าง
เลเซอร์แกะสลักไม้ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ควบคุม เหมือนในห้างสรรพสินค้า
ปัญหา คือ การได้มาซึ่งงาน โดย เราจะสามารถทำงานได้จากหลายวิธี
อาทิเช่น POSTER ขนาดเล็ก,ป้ายฝากขาย ใบปลิว
รายละเอียดในส่วนต่างๆ ท่านสามารถเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ
ของทางบริษัทได้เพิ่มเติม...
|
|
รูปแบบที่ 3 รูปแบบตลาดนัด รูปแบบการขายแบบตลาดนัด บ้านเราแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ
|
รูปแบบที่ 3.1 ตลาดนัดแบบเปิดท้ายขายของ
รูปแบบนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อตอน 2540 นี้เอง
เพราะชนชั้นกลางตกงานอย่างทั่วถึง ทุกคนจึงหันมาเป็นพ่อค้า แม่ค้า
กันเป็นจำนวนมาก มีหลายคนมีงานประจำทำดีๆ แล้วก็ต้องมาเป็นเถ้าแก่
อย่างกระทันหัน รูปแบบนี้จะเป็นที่นิยมใช้ท้ายรถเป้นที่บรรทุกของแล้ว
วางของแบกับดิน โดยปูของลงบนผ้าสีสดๆ หรืออาจจะเป็นชั้นวางของ
หรือแขวนสินค้าก็สุดแท้แต่ ตลาดนัดแบบนี้จะเป็นที่นิยมมาก
ของชนชั้นกลาง ส่วนใหญ่จะจัดตามลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า |
|
ปัจจุบัน กลายสภาพจากการเปิดท้ายมาเป็นการเปิดแบบ OUTDOOR BOOTH ไปแล้ว ค่าเช่าส่วนใหญ่ คิดเป็นรายวัน
วันละไม่กี่ร้อย คนเดินเยอะ ขายของได้ราคาปานกลาง ราคาของที่ขายได้ไม่ควรเกินชิ้นละ 500 บาท ของที่ขายออกง่าย
ควรอยู่ที่ 100- 199 บาท เป็นต้น |
|
รูปแบบนี้เหมาะกับการทำเข็ดกลัด , พวงกุญแจ ที่ติดตู้เย็น
พิมพ์ลายลงบนเสื้อ ทำของขวัญตามสั่ง, ทำของชำร่วยจากที่บ้านมาแล้ว
ยิงชื่อเพิ่มลงไปบนชิ้นงาน โดยใช้รูปแบบต่างๆ ลูกค้ารอรับได้เลย เป็นต้น
ตลาดนัดแบบนี้เรียกว่าตลาดนัดคนรวย ของที่ขายจะได้ราคาดี |
รูปแบบที่ 3.2 ตลาดนัดคนจน
ตลาดนัดที่พบเห็นได้ทั่วไป ในที่ชุมชนต่างๆ ส่วนใหญ่จะขายของกิน หรือพวก CD จะขายดี แต่หากพิจารณาดีๆ ตลาดเหล่านี้ก็มีศักยภาพ เพราะคนเดินเยอะกว่าตลาดนัดคนรวย แต่ของที่จะมาลงต้องมีราคาไม่แพงจนเกิน ของขวัญ
ของชำร่วยที่มีราคาต่ำกว่า 100 บาทน่าจะขายได้ดี สินค้าที่จะลง จะต้องมีราคาถูก ไม่เอากำไรมากเกินไป เช่น
พิมพ์ภาพใส่ซองโทรศัพท์ ราคาใบละ 80 บาท ต้นทุนประมาณ 30 บาท หรือพวกกุญแจรูปคู่รัก ราคา 50 บาท
ต้นทุน 10 กว่าบาท ทำเข็มกลัด ราคา 39 บาท ต้นทุน 10 บาท เป็นต้น
|
รูปแบบที่ 4. ร้านค้าในสถานที่ท่องเที่ยว
ร้านค้าในสถานที่ท่องเที่ยวเกินขึ้นในบ้านเรามีมากกว่า 5 พันแห่ง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่สถานที่ท่องเที่ยวจะอยู่แถวบ้านของคุณ
จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพแฝงอยู่ โดยเฉพาะปัจจัยนิยมแหล่ง
ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากขึ้น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม ควรค่าแก่การจดจำ
บางแหล่งจะมี LAND MARK หรือ จะเรียกว่า จุดสนใจของแหล่งท่องเที่ยว
เช่นทุ่งทานตะวัน จะมีบรรยากาศของดอกไม้ ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินเพื่อ
แลกกับเสื้อสวยๆ ที่มีรูปของเด็กๆ ที่เค้ารักพร้อมบรรยากาศอันแสน
จะประทับใจ เป็นต้น หรือภูกระดึงดินอแดนแห่งความรัก ที่หนุ่มสาว
ต่างภูมิใจที่ได้พิชิตมัน บรรยากาศเหล่านี้เหมาะกับธุรกิจ ของชำร่วย
หรือ ของที่ระลึกต่างๆ
|
|
|
รูปแบบซุ้มหรือศาลาที่มุงจาก หรือเป็นโต๊ะไม้ธรรมชาติที่ทำจาก
ต้นซุง หรือ ท่อนไม้ที่ตายแล้ว จะเข้ากับบรรยากาศของการขายของ
ที่ระลึก เป็นอย่างมาก โดยของที่ระลึกแบบนี้ อาจจะทำสดๆ
โดยมีรูปลูกค้าปรากฏอยู่ในของที่ระลึกนั้น เช่น พิมพ์ภาพลงบนแก้วน้ำ,
พิมพ์ภาพลงบนเซรามิก หรือกระทั่ง ทำเศษไม้สัก มาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
แล้วยังคงมีเปลือกไม้สักติดอยู่ จากนั้น ยังรูปและข้อความเทห์ๆ ลงบน
ท่อนไม้นั้นๆ เช่น "7 สิงหาคม 51 วันที่ฉันพิชิตภูกระดึง" ลงลายเซ็น
ของลูกค้าคุณ เป็นต้น |
รูปแบบที่ 5. ร้านค้าแบบเคลื่อนที่
บางครั้งคุณจะพบว่า แต่ละเทศกาลมักมีระยะเวลาที่สั้นๆ แล้วหมดไป
จากนั้นจะมีเทศกาลอื่นๆ เกิดขึ้นแทน และหมดไปอีกเช่นกัน แต่ทุกๆเทศกาลจะมีเกิดขึ้นในแต่นั้นๆ ซ้ำๆ กันทุกปีเป็นเช่นนี้ ยกตัวอย่างเช่น เทศกาลสะพานข้ามแม่น้ำแคว กาญจนบุรี,เทศกาลทุ่งทานตะวันบานลพบุรี , เทศกาลพืนสวนโลก , เทศกาลเมืองปากน้ำโพ ซึ่งแต่ละเทศกาล จะมีผู้ชมงานจำนวนมาก ผู้ประกอบการหลายรายเห็นโอกาสของร้านค้า
แบบเคลื่อนที่นี้แล้ว มองออก คุณก็อาจจะทำเช่นนั้นได้ โดย
อาศัยรถ PICK UP คันเก่งของคุณ |
|
เปิดท้ายรับทำของที่ระลึก โดยทำงานร่วมกับกล้องดิจิตอล และ โน๊ตบุ๊ค ตัวเก่งของคุณ เช่นกัน จำพวกคนมหาศาล
และภาพบรรยากาศ เพียงปีละครั้ง นั้นเอง ที่ทำให้นักท่องเที่ยวซื้อภาพความประทับใจในรูปแบบของขวัญที่เป็น"PERSONALIZE"หรือมีภาพของพวกเขาเป้นส่วนหนึ่งของเทศกาลนั่นเอง
โดยรูปแบบนี้คุณสามารถหมุนเวียนไปที่ต่างๆ ได้ ทั่วประเทศ ตามที่คุณต้องการเลยทีเดียว สนุก ลูกค้ามากมาย
แถมยังได้เที่ยวทั่วไทย อีกด้วยนะครับ |
รูปแบบที่ 6.ใช้บ้านเป็นที่ทำงาน
รูปแบบนี้เหมาะสกับงานประเภท รับทำตรายาง , บริการตัดสติ๊กเกอร์
ลงบนฟิวเจอร์บอร์ด , บริการทำนามบัตร , บริการทำบัตรพลาสติก ,
บริการพิมพ์ภาพลงบนแก้ว , บริการพิมพ์ภาพลงบนเสื้อ รูปแบบนี้อาศัย
ที่บ้านคุณเป้นที่ทำงานนั่นเอง โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าแต่อย่างใด
วิธีการให้ได้มาซึ่งงาน ก็จะอาศัยวิธีการฝากขาย โดยการแบ่งเปอร์เซ็น 70 :30 หรือ 75: 25 เป็นต้น โดยสถานที่ที่จะฝากขาย
ได้แก่ร้านขายเครื่องเขียน , ร้านถ่ายรูป , ร้านไปรษณีย์เอกชน ,
ร้านรับชำระค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น
|
|
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงรายละเอียดปลีกย่อยของสินค้า เช่นสี วัสดุที่ใช้ หรือราคาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยการปรับเปลี่ยนจะยึดเอาความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ และ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาใช้ทดแทนกัน เป็นที่ตั้ง สินค้าทั้งหมดได้รับการคุ้มครอง ภายใต้กฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์ ห้ามมิให้บุคคล หรือ นิติบุคคลใดๆ ลอกเลียนแบบการออกแบบ ไม่ว่า ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมด หากละเมิด ทางบริษัทจะดำเนินการที่กฎหมายบัญญัติเอาไว้สูงสุด
บริษัท ไอเดีย เมคเกอร์ เทคโนโลยี จำกัด (สำนักงานใหญ่)
1796-1800 ถ.สุขุมวิท ซ.ตรงข้ามบิ๊กซีจัมโบ้ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ลงถนนกาญจนาภิเษก สู่ถนนสุขุมวิทเพียง 1 ก.ม
คลิกเพื่อดูแผนที่
Tel. 02-7550290-1 , 02-7578488-9 Hotline : 081-6298220 Fax. 02-7576980(Auto)
ในเวลาทำการ จันทร์-เสาร์ 08.30-17.30 น.